Google แนะนำเทคนิคและเคล็ดลับการใช้ Gemini อย่างมืออาชีพ
- Happening Around

- 16 ก.ค. 2567
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 6 ธ.ค.

Gemini คือ AI จาก Google ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยที่คอยสร้างสรรค์และต่อยอดไอเดีย โดยช่วยเสริมสร้างจินตนาการ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ซึ่งปัจจุบันผู้คนต่างใช้ AI กันมากขึ้น โดยมีข้อมูลจาก Google Trends ที่ชี้ให้เห็นถึงความสนใจในการค้นหาคำว่า “AI” และ “Generative AI” ที่มียอดค้นหาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิถุนายน 2567 โดยสูงขึ้นกว่า 60% และ 190% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2566

แล้ว Gemini ทำงานยังไง? Gemini ทำงานผ่านคำสั่งที่เรียกว่าพรอมต์ ซึ่งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่ Gemini จะสามารถประมวลผลได้ คือการสร้างพรอมต์อย่างมืออาชีพ ซึ่ง Google แนะนำเทคนิคดังนี้
กำหนดบทบาท: บอก Gemini ว่าต้องการข้อมูลในมุมมองของใคร เช่น นักข่าว คอนเทนต์ครีเอเตอร์ หรือนักการตลาด
กำหนดเป้าหมาย: บอกสิ่งที่ต้องการ เช่น อยากได้ข้อมูล วิธีใช้ คุณสมบัติ หรือ รายละเอียดอื่นๆ
กำหนดกลุ่มเป้าหมาย: Gemini จะได้ปรับแต่งคำตอบให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
กำหนดบริบท/ข้อจำกัด: บอกรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงเพื่อผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น
กำหนดสไตล์ โทน และรูปแบบในการให้คำตอบของ Gemini: เช่น ขอข้อมูลในรูปแบบ Bullet point แบบตาราง โทนเป็นทางการ หรือเหมือนคุยกับเพื่อน ฯลฯ
พร้อมด้วยเคล็ดลับในการเขียนพรอมต์เพื่อสนทนากับแชทบ็อต AI ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ
ใช้คำสั่งที่เฉพาะเจาะจงและถามซ้ำๆ: ใส่ข้อมูลบริบทให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่คลุมเครือ
ใช้ภาษาที่กระชับได้ใจความไม่ซับซ้อน: ควรหลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์เฉพาะทางต่างๆ
ทำให้เป็นบทสนทนา: ถ้าคำตอบที่ได้ไม่ตรงกับที่ต้องการ หรือคิดว่า Gemini สามารถให้คำตอบที่ดีกว่านี้ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งพรอมต์ได้ แนะนำว่า
ใช้พรอมต์ติดตามผลลัพธ์ และตรวจสอบและปรับแต่งคำตอบจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ตรงความต้องการ
ถ้าต้องการให้ Gemini ทำหลายๆ อย่าง ควรแบ่งคำสั่งเป็นส่วนย่อยๆ วิธีนี้จะทำให้ Gemini เข้าใจคำสั่งและให้ผลลัพธ์ที่มีประโยชน์มากขึ้น
เริ่มต้นใช้งาน Gemini ฟรีผ่าน https://gemini.google.com/app หรือดาวน์โหลดแอป Gemini (สำหรับ Android), แอป Google (สำหรับ iOS)
นอกจากนี้ Google ยังมี Gemini Advanced ที่เข้าถึงโมเดล AI ที่ทรงพลังที่สุดของ Google สามารถรองรับข้อมูลได้มากถึง 1 ล้านโทเค็น ซึ่ง Google ให้เหตุผลว่าทำไมต้องใช้ Gemini Advanced ดังนี้
ความสามารถในการประมวลผลข้อมูลได้มากขึ้น (Long Context): ประมวลผลข้อมูลได้ยาวขึ้นถึง 1,500 หน้า เข้าใจหัวข้อซับซ้อน โต้ตอบได้ลื่นไหล ราวกับมีคู่สนทนาจดจำรายละเอียดทุกอย่าง ถึงแม้จะผ่านมาหลายวัน
ฟีเจอร์การอัปโหลดเอกสาร (Document Upload): สามารถอัปโหลดเอกสารไปยังอินเทอร์เฟซได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอโครงการยาว 1,500 หน้า หรือเทียบงานวิจัยหลายฉบับ ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูล ดึงสาระสำคัญ และข้อมูลเชิงลึกที่คุณต้องการ สะดวก รวดเร็ว ค้นหาข้อมูลได้แม่นยำ
ฟีเจอร์การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis): ผสานพลังการประมวลผลข้อมูลอันล้ำสมัย เข้ากับเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่ล้ำหน้า กลายเป็นผู้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลส่วนตัวที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้คุณเข้าใจข้อมูลเชิงลึกได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ลองใช้ Gemini Advanced ได้ที่ https://gemini.google.com/advanced



ความคิดเห็น