คปภ. ผนึกกำลังภาคธุรกิจประกันภัย ร่วมบริจาคโลหิต ตั้งเป้า 10 ล้านซีซี เสริมกำลังเลือดสำรองสภากาชาดไทย
- Happening Around

- 12 ก.ค.
- ยาว 1 นาที
สำนักงาน คปภ. ผนึกกำลังภาคธุรกิจประกันภัย ร่วมบริจาคโลหิตเพื่อเสริมกำลังเลือดสำรองช่วยชีวิตผู้ป่วยทั่วประเทศแก่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ตั้งเป้าหมายสิ้นปี 2568 จัดหาปริมาณโลหิตจำนวน 10 ล้านซีซี

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดงาน “บริจาคโลหิตเนื่องในวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 24” โดยมีรองศาสตราจารย์แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิต สภากาชาดไทย, คุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย, คุณโทมัส ชาร์ลส วิลสัน ประธานคณะกรรมการจัดงานวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 24, คุณประภาพร ลิขสิทธิ์ นายกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน, คุณนพพล เบี้ยวไข่มุก ผู้จัดการกองทุนประกันชีวิต และผู้บริหารบริษัทประกันชีวิต เข้าร่วมงาน เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
เลขาธิการ คปภ. ได้กล่าวว่า “พลังความร่วมมือของภาคธุรกิจประกันชีวิตในการดำเนินกิจกรรมบริจาคโลหิต ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 24 ติดต่อกัน ถือเป็นบทพิสูจน์ว่า “หัวใจของคนประกัน” มาพร้อมกับคุณค่าของการให้ ในส่วนของสำนักงาน คปภ. ได้ร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยในปี 2568 ได้ดำเนินโครงการ “รวมพลังประกันภัย ให้โลหิต ปีที่ 2” ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ โดยสิ้นปีนี้ตั้งเป้าหมายในการจัดหาปริมาณโลหิตให้ได้ถึง 10 ล้านซีซี เพื่อเสริมกำลังโลหิตสำรองของสภากาชาดไทย ให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วยทั่วประเทศ
กิจกรรมในปีนี้จะจัดขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง หรือเป็นประจำทุกไตรมาส โดยปีนี้ยังเหลืออีก 2 ครั้ง ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 22 กันยายนนี้ และวันที่ 22 ธันวาคมนี้ จึงขอเชิญชวนบุคลากรในวงการประกันภัย และประชาชนทุกท่าน ที่มีสุขภาพแข็งแรง มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมดีๆ ในการช่วยเหลือสังคมร่วมกัน
ทั้งนี้ หลายคนอาจไม่ทราบว่า “โลหิต” ยังไม่มีสิ่งใดทดแทนได้ ดังนั้นการบริจาคโลหิตจึงถือเป็นการต่อชีวิตอย่างแท้จริง เพราะการบริจาคโลหิตเพียง 1 ครั้ง สามารถช่วยชีวิตได้ถึง 3 คน และยังส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้บริจาคเอง เพราะร่างกายจะถูกกระตุ้นให้สร้างเม็ดเลือดใหม่ ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานดีขึ้น อีกทั้งยังได้รับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยทุกคนที่มีสุขภาพดีสามารถบริจาคโลหิตได้ถึงอายุ 70 ปี “ความสุขใจจากการได้เป็น “ผู้ให้” นั้น เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ การได้ช่วยให้อีกหลายชีวิตยังคงมีลมหายใจได้อยู่กับคนที่เขารัก ถือเป็นของขวัญที่ล้ำค่าอย่างที่สุด การได้เห็นคนอื่นมีความสุขจากสิ่งที่เรามอบให้ นั่นคือ ความสุขที่กลับคืนมาสู่ใจเราอย่างแท้จริง”



ความคิดเห็น