top of page

Stay in the Know With

The Happening Ar     und

เต็ดตรา แพ้ค ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 25%[1] ตลอดห่วงโซ่คุณค่าและ 54%[2] จากการดำเนินงานของบริษัท

  • รูปภาพนักเขียน: Happening Around
    Happening Around
  • 20 ส.ค.
  • ยาว 2 นาที

เต็ดตรา แพ้ค ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 25%[3] ตลอดห่วงโซ่คุณค่าและ 54%[4] จากการดำเนินงานของบริษัท โดยรายงานความยั่งยืนฉบับที่ 26 ของเต็ดตรา แพ้ค เผยความก้าวหน้าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก[5]

ตามขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 พร้อมไปกับการส่งมอบอาหารที่ปลอดภัยให้กับผู้คนทั่วโลก


เต็ดตรา แพ้ค เปิดตัวรายงานความยั่งยืนผลสรุปปี 2567

เต็ดตรา แพ้ค เปิดตัวรายงานความยั่งยืนผลสรุปปี 2567 เน้นย้ำความสำเร็จในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่า 25% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2562 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 5% โดยภายในการดำเนินงานของบริษัท เต็ดตรา แพ้คสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 54% นับตั้งแต่ปี 2562 และมีการใช้พลังงานหมุนเวียนในสัดส่วนสูงถึง 94% ผลการดำเนินงานดังกล่าว ซึ่งสะท้อนความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2573[6] นอกเหนือจากการบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว เต็ดตรา แพ้คยังเดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิต และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านการส่งมอบอาหารที่ปลอดภัยให้เข้าถึงผู้บริโภคในทุกพื้นที่ทั่วโลก


นายอดอลโฟ โอริเว่ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มบริษัทเต็ดตรา แพ้ค ระบุว่า “ภายในปี 2593 คาดว่าประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นจนแตะ 10,000 ล้านคน ส่งผลให้ปริมาณความต้องการอาหาร[7] จะเพิ่มขึ้นอีก  60% ในขณะที่ระบบอาหารเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำเนินชีวิต แต่ทว่ายังเป็นสาเหตุในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 1 ใน 3 ของโลก ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างความต้องการผลิตอาหารให้มากขึ้นกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่ควรต้องลดลง สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายสำคัญที่เต็ดตรา แพ้ค พร้อมจะเข้าไปแก้ไข ตามที่ได้นำเสนอไปในรายงานความยั่งยืนของบริษัทฉบับล่าสุด เรากำลังผลักดันให้เกิดความมั่นคงและความยั่งยืนของระบบอาหาร ลดความรุนแรงของผลกระทบด้านสภาพอากาศ และพัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ของผู้คน เรามุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายอื่นๆ ในการสานต่อเส้นทางนี้”


ความก้าวหน้าที่ปรากฏในรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 ของเต็ดตรา แพ้ค แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายปี 2573 ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่าลง 46% (ขอบเขตที่ 1, 2 และ 3) เมื่อเทียบกับปีฐาน 2562 นับเป็นอีกหนึ่งปีที่เต็ดตรา แพ้ค ได้พัฒนาการดำเนินงานที่สำคัญอย่างต่อเนื่องในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินงานของบริษัท และช่วยเหลือลูกค้าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านอุปกรณ์เครื่องจักร เทคโนโลยี และบริการต่างๆ ที่เต็ดตรา แพ้ค นำเสนอ ความก้าวหน้าเหล่านี้ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบริษัทในการทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่า (ขอบเขตที่ 1, 2 และ 3) ภายในปี 2593 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2562


อีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความก้าวหน้าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่าในปี พ.ศ. 2567 ของเต็ดตรา แพ้ค คือ การพัฒนาเครื่องจักรที่ใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีที่ยกระดับการทำงานในโรงงาน และโซลูชันบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์[8] นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยให้ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตของตนเอง


ตัวอย่างความสำเร็จ ในปี 2567 คือ ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากไลน์การผลิตนมที่ไม่ต้องแช่เย็น ลดลง 13% เมื่อเทียบกับปี 2566 และลดลงถึง 42% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2562 ความสำเร็จนี้ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวอุปกรณ์รุ่นใหม่ อย่าง เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบท่อ (Tetra Pak® Tubular Heat Exchanger) ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี “Q corrugation” ซึ่งอยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร โดยการออกแบบนี้ช่วยลดแรงดันขณะของไหลผ่านท่อ[9] ได้ถึง 40% ส่งผลให้ลูกค้าสามารถลดการใช้พลังงานของปั๊มในระบบแลกเปลี่ยนความร้อนซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญในกระบวนการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม เช่น การฆ่าเชื้อและการพาสเจอไรซ์ ได้สูงสุดถึง 40% เมื่อเทียบกับอุปกรณ์รุ่นเดิมที่ดีที่สุดในตลาด ส่งผลให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ทั้งจากต้นทุนพลังงานที่ลดลงและลดการปล่อยคาร์บอนจากกระบวนการผลิต


เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย)

“เราขอขอบคุณลูกค้าในประเทศไทยด้วยใจจริงที่ยินดีร่วมเป็นพันธมิตรกับเราในเส้นทางแห่งความยั่งยืนนี้ ความไว้วางใจจากลูกค้าในนวัตกรรมของเราช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโซลูชันที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า แต่ยังขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ในการปกป้องทุกคุณค่าให้กับอาหาร ผู้คน และโลก เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้สานต่อความร่วมมือที่แข็งแกร่งและนำนวัตกรรมที่ล้ำสมัยที่สุดมาใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของเราไปด้วยกัน” นางสาวรัตนศิริ ติลกสกุลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว


ความสำเร็จที่โดดเด่นอื่นๆ ที่ปรากฏในรายงานความยั่งยืนสรุปในปี 2567 ของบริษัท ได้แก่

  • ช่วยโรงงานผลิตอาหารลดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึง 40% และปรับปรุงความสม่ำเสมอของคุณภาพได้ถึง 60% เพื่อป้องกันการสูญเสียอาหาร ผ่านโซลูชันการผลิตขั้นสูงของเต็ดตรา แพ้ค

  • ส่งมอบนมและเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการในบรรจุภัณฑ์ของเต็ดตรา แพ้คแก่เด็ก 66 ล้านคนใน 49 ประเทศ ผ่านโครงการโภชนาการในโรงเรียน

  • ช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมรายย่อยจำนวน 84,000 ราย จาก 29 แห่งทั่วโลกให้มีรายได้มั่นคงมากขึ้น พร้อมจัดหาน้ำนมดิบที่มีคุณภาพให้ผู้ผลิตนม

  • ลงทุนโดยประมาณ 100 ล้านยูโรในการวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมของบรรจุภัณฑ์โดยไม่ลดทอนความปลอดภัยของอาหาร ซึ่งก่อให้เกิดนวัตกรรม เช่น ฝาจากรีไซเคิลพอลิเมอร์ที่พัฒนาร่วมกับ Elle & Vire และกล่องรุ่น Tetra Brik® Aseptic 200 Slim Leaf ที่มีเยื่อกระดาษเป็นชั้นปกป้อง

  • เปิดตัวกรอบแนวทาง Approach to Nature ที่ได้รางวัล[10] โดยกำหนดมาตรการและเป้าหมายที่ชัดเจนกว่า 20 ข้อเพื่อหยุดยั้งและฟื้นฟูการสูญเสียทางธรรมชาติ สนับสนุนการฟื้นฟูระบบนิเวศและเพิ่มความมั่นคงด้านน้ำ

  • เสริมสร้างและขยายการมีส่วนร่วมกับแรงงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน ผ่านแบบสำรวจความคิดเห็น การประเมินผลกระทบ และการสัมภาษณ์โดยบุคคลที่สาม

  • มีส่วนร่วมกับซัพพลายเออร์ 150 ราย ผ่านโครงการความยั่งยืน “Join Us in Protecting the Planet”


อ่านรายงานความยั่งยืนฉบับสมบูรณ์ของ แต็ดตรา แพ้ค ผลสรุปจากปี 2567 ได้ทางเว็บไซต์


[1] ขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เทียบกับปีฐาน 2562

[2] ขอบเขตที่ 1, 2 และการเดินทางไปทำธุรกิจ เทียบกับปีฐาน 2562

[3] ขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เทียบกับปีฐาน 2562

[4] ขอบเขตที่ 1, 2 และการเดินทางไปทำธุรกิจ เทียบกับปีฐาน 2562

[5] จากปีฐาน 2562

[6] ขอบเขตที่ 1, 2 และการเดินทางไปทำธุรกิจ โดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างสมดุลระหว่างการปล่อยพร้อมกับการกำจัดก๊าซ

[7] World Economic Forum (2567). การปรับปรุงและการสร้างสรรค์ใหม่คือกุญแจสำคัญในการกอบกู้ระบบอาหารของเรา ที่มา: https://www.weforum.org/stories/2024/06/renovation-reinvention-food/

[8] Ifeu. (2563) การประเมินวัฏจักรชีวิตเชิงเปรียบเทียบของบรรจุภัณฑ์เต็ดตรา แพ้ค และระบบบรรจุภัณฑ์ทางเลือกสำหรับเครื่องดื่มและอาหารเหลวในตลาดยุโรป ที่มา: สถาบันเพื่อการวิจัยด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมเมืองไฮเดลเบิร์ก (Institut für Energie- und Umweltforschung Heidelberg) ACE. (2021). การวิเคราะห์เชิงวงจร: หลักฐานสนับสนุน – สมรรถนะด้านสิ่งแวดล้อมของกล่องเครื่องดื่ม ที่มา: สมาพันธ์กล่องเครื่องดื่มและสิ่งแวดล้อมแห่งยุโรป (The Alliance for Beverage Cartons and the Environment) ที่มา: Tetra Pak Lifecycle Assessment

[10] เต็ดตรา แพ้ค ได้รับรางวัล Environmental Initiatives Award จากเวที SEAL Business Sustainability Awards ประจำปี 2558 จากกรอบแนวทาง “Approach to Nature” ซึ่งรางวัล SEAL (Sustainability, Environmental Achievement and Leadership) นี้ยกย่องกรอบแนวทางของเต็ดตรา แพ้ค ในฐานะตัวอย่างชั้นนำของอุตสาหกรรมที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทขนาดใหญ่สามารถใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของตนเพื่อชี้นำและร่วมมือกับพันธมิตรตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของตนเองและปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ https://www.tetrapak.com/about-tetra-pak/news-and-events/newsarchive/tetra-pak-wins-environmental-initiatives-award-at-seal-business-sustainability-awards-2025#:~:text=Tetra%20Pak%20wins%20Environmental%20Initiatives%20Award%20at%20SEAL%20Business%20Sust

ความคิดเห็น


bottom of page