DKSH เดินหน้ายกระดับความปลอดภัยบนท้องถนน วางรากฐานการจัดส่งทั่วประเทศไทยอย่างยั่งยืน
- Happening Around
- 1 ก.ค.
- ยาว 1 นาที
บริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการขยายตลาดในภูมิภาคเอเชีย ประกาศความสำเร็จด้านความปลอดภัยบนท้องถนน ด้วยระยะการเดินทางอย่างปลอดภัยที่สะสมทั่วประเทศกว่า 25 ล้านกิโลเมตร สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ DKSH ในการพัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมาย “50 ล้านกิโลเมตรแห่งความปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” ภายในสิ้นปี 2568
DKSH ได้พัฒนาระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ที่ยึดหลักความปลอดภัย เชื่อถือได้ และใสใจในทุกรายละเอียด โดยมีศูนย์กระจายสินค้า 10 แห่งทั่วประเทศ เราดำเนินงานภายใต้นโยบายด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด (HSE Management System) รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ อย่างครบถ้วน เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน และดูแลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน
เราเชื่อว่าความปลอดภัยเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกฝ่าย ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ โดยได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทีมที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติงาน ทุกกิโลเมตรของการเดินทางสะท้อนถึงคำมั่นสัญญาในการสร้างความเป็นเลิศด้านการดำเนินงาน โดยมีสถิติด้านความปลอดภัยที่มั่นคงเป็นเครื่องพิสูจน์
“ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญสูงสุดในทุกขั้นตอนของระบบขนส่งเรา การบรรลุเป้าหมายครบ 25 ล้านกิโลเมตรแห่งความปลอดภัยนี้ คือหลักฐานที่ชัดเจนถึงมาตรฐานที่เข้มงวด ไม่เพียงในขั้นตอนการขนส่ง แต่ครอบคลุมถึงทั้งระบบห่วงโซ่อุปทาน ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวในการสร้างระบบที่ไร้อุบัติเหตุ และส่งเสริมระบบนิเวศที่ยั่งยืนเพื่อผู้คน สินค้า และชุมชน” เดเมียน โมโฮท์ รองประธานฝ่ายบริหาร หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค ประเทศไทยและลาว และหัวหน้าคณะบริหาร ประจำประเทศไทย บริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
“พนักงานและทุกภาคส่วนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย 50 ล้านกิโลเมตรแห่งความปลอดภัย หากขาดการสนับสนุนจากทีมงาน เราคงไม่สามารถยกระดับศักยภาพด้านโลจิสติกส์ให้แข็งแกร่งขึ้นได้ ความทุ่มเทของทุกฝ่ายมีส่วนสำคัญในการผลักดันธุรกิจให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะในยุคที่ตลาดมีการแข่งขันสูงและธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” นีล แมคแคน รองประธานฝ่ายบริหารจัดการซัพพลายเชน ประเทศไทยและลาว กล่าวเสริม
ความคิดเห็น